10.06.2551

Alexander Wang, Rock 'n Roll Attude

จำชื่อของ Alexander Wang ไว้ให้ดีนะครับ เพราะดีไซเนอร์รายนี้จะกลายเป็น new prince แห่งโลกแฟชั่นอย่างแน่นอน แต่ละคอลเล็กชั่นที่ก่อร่างจากมินิมัลลิสม์และจิตวิญญาณของความเป็นร็อคถูกอกถูกใจสื่อจากฝั่งอเมริกา รวมถึง buyers ยักษ์ใหญ่จาก Barney’s ไม่รีรอที่จะกว้านซื้อ และลงทุนกับหนุ่มน้อยผู้นี้

อดีตมือขวาเก่าของ Marc Jacobs สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงกว้างกับคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2007 เสื้อผ้าของเขาทุกชิ้นมีความร่วมสมัย และถูกออกแบบให้สอดรับกับความต้องการของหญิงสาวทุกคน จุดเด่นของเสื้อผ้าสไตล์ Wang ก็คือสามารถสวมใส่ได้จริง และไม่มีความซับซ้อน โดยเลือกใช้เนื้อผ้าที่ละเอียด เบา สบาย เป็นหลัก เพื่อสร้างซิลลูเอตที่โมเดิร์น ไร้กาลเวลา โดยที่ผสมความเป็นร็อคแอนด์โรลลงไปแบบเต็มเหนี่ยว

หลายคนพูดถึงความดิบ ความสนุกเชิงทดลอง และการผสมเสื้อผ้าในแบบ unisex ของเขา ซึ่งน่าจะอธิบายได้จากไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของเด็กเชื้อสายจีน-อเมริกันที่เติบโตในแคลิฟอร์เนีย อดีตนักเรียนทุนระดับหัวกะทิ ในโรงเรียนประจำอันเข้มงวด ที่จะพอมีเวลาช่วงวีคเอนด์อย่างอิสระบ้างที่ชายทะเล เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจึงมาใช้ชีวิตในนิวยอร์ค เลยทำให้เสื้อผ้าของเขามีความเป็น urban ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหลักแหล่งอันแตกต่าง

Wang เลือกเข้ามานิวยอร์คตอนอายุ 18 เพื่อเข้าเรียนที่ Parsons ที่นี่เองที่ทำให้เขาได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดกับดีไซเนอร์และหน่วยงานแฟชั่นชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะ Marc Jacobs, Derek Lam รวมถึง Vogue อเมริกา ฮอตขนาดมีคอลเล็กชั่นของตัวเองตั้งแต่ตอนอยู่แค่ปี 2 เท่านั้น ผลที่ตามมาคือความสนุกกับโลกของการทำงานจริง จนออกจาก Parsons และได้มาทำงานเล็กๆน้อยๆ กับ Marc Jacobs และพัฒนาแบรนด์ของตัวเองไปด้วยในเวลาเดียวกัน Wang บอกว่า เขาไม่เสียใจแม้แต่น้อยที่ต้องเลิกเรียน เพราะคอลเล็กชั่นที่ 5 ของเขาประสบความสำเร็จอย่างไม่น่าเชื่อ นักวิจารณ์แฟชั่นทุกสำนักต่างชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์ สไตล์ของเขากลายเป็นสิ่งที่ชาวนิวยอร์คผู้มีไลฟ์สไตล์แตกต่างจากเมืองอื่นต้องถวิลหา

แม้ว่าจะอายุยังน้อยนัก และยังเป็นหน้าใหม่แห่งสายอาชีพที่มีอัตราการแข่งขันสูง คอลเล็กชั่นของเขาก็ยังขายดีทั่วโลก ด้วยการตัดเย็บที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพในการที่จะทำให้น่าลุ่มหลงได้ สีที่เลือกใช้มีที่มาที่ไปอันเหมาะสม บ่งบอกถึงวอลุ่ม และทรวดทรงที่ chic สุดๆ ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึงลูกผสมระหว่าง ความเท่ในแบบ Kate Moss และความมีเสน่ห์แบบ Grace Kelly ดูครับ Perfect!

Trash sensuality, Street elegance and Glamour roots ที่ Alexander Wang A/W 08-09

9.09.2551

Top Trends: New York Fashion Week A/W 2008-2009

ขอโทษนะครับที่ห่างหายจากการอัพบล็อกเกือบ 1 เดือนเต็มเนื่องจากติดภารกิจมากมาย สัญญาว่าจะขยันอัพให้ถี่ขึ้นนะครับ เข้าเรื่องของเราดีกว่า
นิวยอร์กเป็นจุดหมายแรกสำหรับฤดูกาลแห่งแฟชั่นวีคซีซั่นล่าสุด (แต่โทษทีครับที่ไม่ได้เอามานำเสนอเป็นที่แรก) แฟชั่นวีคระดับโลกเพียงหนึ่งเดียวที่แยกตัวมาอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติกนี้ แม้จะเป็นเมืองแรกของการประเดิมฤดูใบไม้ร่วง-หนาว แต่ได้สร้างเทรนด์ที่มาแรงโดยไม่ง้ออีก 3 แฟชั่นวีคที่เหลือได้ดีทีเดียว มู้ดโทนของสีเทา สีควันบุหรี่ สีดำ สีที่ครอบงำฤดูกาลนี้มานมนานได้เจือจางลงไปบ้าง และหลีกทางให้กับบรรยากาศจริงจังแต่ไม่เข้มงวด แถมออกเรโทรนิดๆ เสื้อผ้าเทย์เลอร์ถูกปรับโครงสร้างใหม่ ความเป็นผู้หญิงแสดงออกเป็นลุค preppy หรือแม้แต่ลุคเทพธิดาผู้แสนน่ารัก

Masculine Closet

ผู้หญิงในซีซั่นนี้ไม่ใช่ส่วนผสมของผู้ชายที่โลว์โพรไฟล์และเฟมินิสต์สุดขั้ว แต่เธอชอบเลือกหยิบจับของนู๋นนี่จากตู้เสื้อผ้าผู้ชายแบบไม่สนว่าจะพอดีกับเธอหรือไม่ ทุกสิ่งได้รับการคลี่คลายออกเป็น เสื้อผ้าทรงหลวม สุดชิค สุดมินิมัลลิสม์
- ที่ Alexander Wang สีเทาซีดๆ ไปได้ดีกับสังคมเมืองที่รีบร้อนเพราะอย่างไรก็เอาอยู่ ด้วยเสื้อนอกโอเวอร์ไซส์พับแขน เบรกซิลลูเอตหลวมโคร่ง ด้วยเลกกิ้งผ้าวูลในโทนไล่ระดับกันจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นเดรสโค๊ดของเหล่าสาวๆ ไปเสียแล้ว
- สำหรับ Max Azria เสื้อนอกแปรสภาพเป็นชุดกระโปรงแบบไมโคร สะท้อนภาพเวิร์คกิ้งวูแมนผู้เร่งรีบ ไม่ลังเลที่จะเผยความเซ็กซี่ให้ปรากฏต่อทุกสายตา
- ความทึมทึบ ความเข้มงวด สะท้อนออกมาในคอลเล็กชั่นของ Calvin Klein ด้วยเบลเซอร์ตัวนี้ที่ทำให้ผู้สวมใส่กลายเป็นบุรุษเพศไปโดยไม่ตั้งใจ เสียดายที่คราวนี้ CK ขาดความละเอียดซับซ้อนในการปรับโครงสร้างเสื้อผู้ชายไปได้

และท้ายที่สุดเสื้อนอกแบบผู้ชายก็นำมาปรับใช้ได้ทุกทีสิน่า เด่นชัดที่ Alexander Wang เพราะขยันเล่นกับอารมณ์สนุกสนานของหนุ่มสาว ร๊อคแอนด์โรลที่คาบเกี่ยวความเป็นไอดอลของ Kurt Cobain และมาดเนี้ยบแบบผู้ดีอังกฤษ

นอกจากเสื้อนอกบุรุษจะถูกใจดีไซเนอร์จากฝั่งนิวยอร์คแล้ว กางเกงทรงหลวมยังเป็นอีกหนึ่งชิ้นที่น่าสนใจ และดึงมาเป็นส่วนหนึ่งของการตัดเย็บแบบ tailor สุดประณีต ที่เปลี่ยนคำจัดกัดความของชุดสวยให้มากกว่าคำว่าเซ็กซี่
- Diane Von Furstenberg หยิบยกยุค 40s มาเป็นบริบท เป็นช่วงที่เสื้อผ้าผู้ชายมีความชัดเจน จึงไม่ยากนักที่บนรันเวย์คราวนี้ถูกใจสาวกประจำแบรนด์เอามากๆ
- Marc Jacobs เน้นที่วอลุ่มและโอเวอร์ไซส์ที่ยังซ่อนความงามสง่าแบบอดีตสตรีหมายเลขหนึ่งอย่าง Jackie O เอาไว้ แต่นักวิจารณ์บางคนติงว่าไซส์ xxl กับรายละเอียดแบบมินิมัลลิสม์ ไม่น่าจะถูกใจผู้ชื่นชอบ Marc Jacobs สักเท่าไหร่
- คู่หูจาก Proenza Schouler ยังไปได้สวยกับกับทุกๆ ชิ้นงานอันสมบูรณ์แบบ ที่ยังคงกลิ่นไอของ urban และ feminine ไว้ สาวสวยคราวนี้ของพวกเขาไดรับแรงบันดาลใจมาจากทหารเรือ สะท้อนออกมาเป็นเสื้อผ้าขนาดโอเวอร์ไซส์แต่ด้วยเนื้อผ้าพลิ้วไหว ลดทอนความดุดันไปได้เยอะ

40s in memories

บรรยากาศแห่งนิวยอร์คแฟชั่นวีคตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นไอเรโทร ด้วยช่วงความยาวของกระโปรงที่โดดเด่น ด้วยความเป็นกุลสตรีแห่งช่วง Post-War
- ที่ Diane Von Furstenberg ถึงแม้จะย้อนไปไกลถึงปี 40 แต่ความหรูหรา งามสง่า ทำให้ดูเผินๆ ดูไม่ออกกันเลยทีเดียว เสื้อนอกจากผ้าทวี้ด บู้ทสั้นประดับลูกไม้ พร้อมกับสไตล์การคาดเข็มขัดที่นิยมในหมู่สตรีชาวเบอร์ลินสมัยนั้น ทำให้บนรันเวย์คราวนี้ แต่ยังสามารถแสดงความ chic ออกมาได้อย่างเต็มที่
- เช่นเดียวกับที่ Rag&Bone และ Bill Blass ยุค 40s ส่งผลมากกว่า ด้วยมู้ดโทนเข้มขรึมด้วยสีเทาสารพัดเฉด ผมเผ้านางแบบถูกรวบตึงไว้ด้านหลัง
กระโปรงยาวแค่เข่าถือเป็นคีย์ลุคสำคัญ ที่มีความเสี่ยงถ้าไม่แมตช์ให้ดี เพราะอาจทำให้สาวๆ ดูเชย หรือเหมือนคุณป้าบรรณารักษ์เอาได้ง่ายๆ

Preppy Girly

เมื่อนึกถึงความ preppy สิ่งที่แล่นเข้ามาในหัวคงหนีไม่พ้น บรรยากาศแห่งวัยหนุ่มสาวสมัยเรียนไฮสคูล ที่ผสมผสานซิลลูเอตแห่งความเป็นผู้หญิง ความเบาสบาย และความเป็นสปอร์ตแวร์เข้าไว้ด้วยกัน
- สำหรับ DKNY เสมือนได้หลุดเข้าไปอยู่ในเรื่อง Love Story ด้วยลายสก็อต สีเหลืองมัสตาร์ด และหมวกบอนเน่ต์สุดเก๋ ทำให้ทั้งลุคดูลงตัวแบบสุดๆ
- สาว preppy จาก Malo เตะตาด้วยถุงมือยาวจากหนังและเสื้อท่อนบนจากโมแฮร์ เหลือง/เทา ในช่วงหนาวคราวก่อนยังคงเป็นคู่สีที่กี่สมัยก็ยังไปรอด
- ที่ไลน์น้องของ Marc Jacobs โดดเด่นด้วยหมวกใบน้อยสีน้ำเงิน เคปคลุมสุดสปอร์ต และบู้ทสั้น
จะเห็นได้ว่ากระโปรงแบบ micro ถือเป็นไอเท็มประจำลุคที่เหมาะกับสาวๆที่อยากกระชากวัย แต่ถ้าให้เท่ต้องดูโคร่งหลวมสักหน่อย ให้ดู casual มากกว่าจะออกไปทางเซ็กซี่จัดจ้าน

Warmy Bohemian

Maxi dress ที่ฮิตสุดในช่วงหน้าร้อน กลับมาอีกครั้งเพื่อสร้างความพิเศษให้กับงานเลี้ยงประจำฤดูหนาวนี้ ที่ลดความเป็นทางการด้วยแอคเซสเซอรี่ต่างๆ ทำให้ดูใส่ได้จริงในชีวิตประจำวันได้ด้วย
- ที่ Erin Fetherston เสริมความน่าสนใจของชุดกระโปรงยาวด้วยเสื้อคลุมสั้นจากผ้าทอมัสลิน และหมวกที่ทอจากขนสัตว์เพื่อเสริมสร้างความอบอุ่น
- Matthew Williamson ที่มีชื่อเสียงจากผ้าพิมพ์ลาย มาคราวนี้ได้เลือกผ้าพิมพ์ลายดอกมาคู่กับเสื้อนอกประดับขนสัตว์ที่ดู army นิดๆ เข้ากันได้ ดูดี และสวยเลิศโดนใจ
- ถ้าแค่ลุคฮิปปี้ด้วยลายพิมพ์กราฟิกสีม่วงเปรี้ยวปรี๊ดยังไม่สมใจ Anna Sui พร้อมนำเสนอเดรสยาวที่เน้นความเบาสบาย และช่วงชายกระโปรงที่ทำให้เกิดความทะมัดทะแมงเวลาเดิน
แม้ว่าเดรสยาวกรุยกรายถูกนำมาสวมใส่จนชินตาตั้งแต่ช่วงสปริง-ซัมเมอร์ แต่ก็ยังคงย้อนกลับมาให้เห็นกันบนรันเวย์ ด้วยเนื่องจากว่าสามารถสะท้อนความเป็นสตรีเพศออกมาได้เป็นอย่างดี

‘Klein’ Blue and Mustard Yellow

ในแฟชั่นวีคที่นิวยอร์คคราวนี้ ไม่มีภาพของสีสันสารพัดเฉดให้รำคาญตา หากแต่เลือกเล่นกับการคุมโทนสีหลักและโทนสีรองอย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ดีสีเอกของซีซั่นตกเป็นของสีน้ำเงินในแบบของศิลปินผู้ริเริ่มอย่างไคลน์ และสีเหลืองมัสตาร์ด ที่ทั้งสองสีเล่นแย่งซีนสีเทาไปได้
- ที่ Phillip Lim สีน้ำเงินให้อารมณ์แบบ navy ถูกนำมาใช้เป็นเบลเซอร์ เสื้อนอก แบบฉบับทหารเรือ
- ส่วนสีเหลืองถูกนำมาจับคู่กับสีเทาและดำ จะมีสีเดียวทั้งชุดบ้างแต่ไม่ใช่เฉดจัดจ้านอย่างที่เคย
นอกจากนี้ทั้งสองสียังไปได้ดีกับลายพิมพ์ประจำฤดูกาล ไม่ว่าจะลายดอกไม้ ลายกราฟิก แต่เท่าที่สังเกต ไม่มีความหวือหวาในเรื่องการเล่นสีต่างๆบนลุคเดียวมากนัก แต่มีการเพิ่มความน่าสนใจด้วยลายพิมพ์และการประดับขนเฟอร์ ขนสัตว์แทน


9.03.2551

A New Generation of Young Designers in Vanity Fair September 2008

หน้าปก Vanity Fair ฉบับเดือนกันยายน 2008

ก่อนที่จะนำเสนอสรุปท็อปเทรนด์ของ New York Fashion Week A/W 2008-2009 ผมอยากแนะนำให้รู้จับกับโฉมหน้าค่าตาของดีไซเนอร์รุ่นใหม่ไฟแรงของอเมริกา ที่ Vanity Fair ฉบับล่าสุดเดือนกันยายนสบโอกาสเหมาะจับพวกเขาและเธอมาถ่ายรูปรวมกัน ด้วยหน้าปก Carla Bruni Sarkozy ที่ศักดิ์และศรีเทียบได้กับสตรีหมายเลขหนึ่งของผู้นำสหรัฐฯในอดีตอย่าง Jacky Kennedy Onassis เลยทีเดียว โดยเฉพาะรสนิยมทางด้านแฟชั่นและการแต่งตัว

แถวบนจากซ้ายไปขวา
- Brian Reyes ออกแบบเสื้อผ้าทุกชุดด้วยซิลลูเอตเฉพาะตัว และมีรายละเอียดอันซับซ้อน ขนาด America Ferrera ยังสั่งตัดชุดราตรีกับเขาสำหรับงานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำปี 2007
- Peter Som ดีไซเนอร์แห่งไลน์เสื้อผ้าสตรีของ Bill Blass ผู้ที่ไม่ได้ออกแบบเสื้อผ้าสำหรับสาวอเมริกันเท่านั้น แต่ให้กับทั้งสังคมอเมริกัน
- Sari Gueron
- Chris Benz เป็น new kid on the block ที่โด่งดังจาก Technicolor อันถูกใจเหล่าแฟชั่นนิสต้า
- Erin Fetherston ตัวแทนแห่งสาวสดใส มาในชุดเดรสของเธอเองที่สะท้อนความเป็น feminine ของสาววัยแรกรุ่น
- Richad Chai
- Philip Lim เพื่อนทางด้านแฟชั่นที่ดีที่สุดของทุกคน ที่หนุ่มสาวอเมริกันยุคใหม่จำต้องมีเสื้อผ้าของเขาอยู่ในตู้ไว้สักชุด
- Laura Mulleavy (Rodarte) ที่เพิ่งได้รับ C.F.D.A. Swarovski Award สาขา emerging-talent in women’s wear พร้อมกับน้องสาว

แถวกลาง
- Doo-Ri Chung
- Georgina Chapman (Marchesa) ‘It girl’ ตัวจริง มาในชุดเดรสขนนกของเธอเอง
- Zac Posen ยังคงมาแรงหลังจากได้รับรางวัล C.F.D.A emerging-talent Award ไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
- Kate Mulleavy (Rodarte)

แถวล่าง
- Alexander Wang คอลเล็กชั่นที่เต็มไปด้วยความ casual chic ของเขานั้นได้ผลตอบรับอย่างล้นหลาม
- Lisa Mayock และ Sophie Buhai (Vena Cava)
- Thakoon Panichgul ขวัญใจตัวจริงของเหล่าสาว jet-set และเซเลบริตี้รุ่นใหม่


9.02.2551

Tartan in Mary-Kate Olsen version


จากการที่ผมนำเสนอลายสก็อต ลายตารางอย่างต่อเนื่อง ทั้งบนรันเวย์ของทั้งหญิงและชาย จึงสรุปได้อย่างชัดเจนว่าเป็นเทรนด์ฮอตประจำซีซั่นล่าสุดอย่างแน่นอน ภาพนักเรียนไฮสคูลใส่กระโปรงพลีทลายสก็อตกับถุงเท้ายาวกลับมาให้เห็นอีกครั้งสอดรับกับช่วงพักร้อนยาวที่ผ่านไป และกับลุคล่าสุดของ M-K Olsen ที่นำลายสก็อตมาใช้แบบต่างออกไป

ดีไซเนอร์สาวคนดังจาก The Row ปรากฏกายต่อสาธารณะชนด้วยอารมณ์ grunge อย่างเคย แต่เพิ่มความมินิมัลลิสม์ลงไปอย่างที่สื่อหลายแห่งระบุไว้ แต่สำหรับผมนั้นกลับรู้สึกว่า การมิกซ์แอนด์แมตช์ของเธอคราวนี้ ‘no look’ เสียจริงๆ ต่างกับ Ashley ที่นำเสนอไปแล้วอย่างลิบลับ

เธอใส่เชิ้ตเดรสเปลือยขา ประมาณจะประกาศว่ามันเป็นลุคแบบ ‘ฉันหยิบเสื้อพ่อหนุ่มของชั้นมาใส่ก็เท่ได้’ แต่คอนเซ็ปต์ของเธอกลับไม่ cool อย่างใจคิด เพราะเชิ้ตลายสก็อตตัวนี้ของเธอมันช่างเหมือนของผู้ชายเกินไปน่ะสิ

ข้อแนะนำสำหรับ M-K Olsen ให้เลือกไปปรับใช้
- กรุณาเลือกเชิ้ตเดรสที่มีความยาวเลยมาสักถึงครึ่งต้นขา
- สวมถุงเท้ายาว และมีผ้าพันคอยาวเป็น prop
- อาจใส่กางเกงยีนส์ขาดสุดเซอร์ทรง Bermuda เพิ่มความเป็น grunge ของเธอก็ได้นะ
- ใส่รองเท้าบู๊ทหุ้มข้อแบบมีซิป หรือบู๊ทยาวแบบ biker ไปเลย
- สวมหมวกปีกทรง melon
- หรือถ้าจะให้ง่ายสุดสำหรับเธอคราวนี้ ให้หาเลกกิ้งผ้าวูล มาใส่เพิ่มสักนิด จะดีขึ้นเยอะเลยครับ

8.27.2551

Rei Kawakubo for Louis Vuitton

Rei Kawakubo แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นแห่งตำนานที่พาให้ Comme des Garçons เป็นแบรนด์ที่มีดีไซน์แหวกแนวไม่เหมือนใครเป็นแบรนด์ชั้นติดตลาดโลกไปแล้วนั้น สร้างความฮือฮาขานรับซีซั่นใหม่ด้วยการร่วมมือกับ H&M แห่งสวีเดน ออกคอลเล็กชั่นพิเศษ และล่าสุดกับการออกแบบกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นให้กับแบรนด์เครื่องหนังชั้นสูงที่มีความเป็นมายาวนานอย่าง Louis Vuitton

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเธอขึ้นชื่อในเรื่องของการทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ว่าจะทำให้ mass market เอาใจกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงไปหรือ grande maison ที่อุดมไปด้วยผลิตภัณฑ์ชั้นสูง แรงจูงใจจึงเกิดขึ้นเมื่อ Marc Jacobs ได้มีโอกาสเจอกับ Adrian Joffe สามีของ Kawakubo และได้คุยถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันในที่สุด

ลูกค้ารายใหญ่มากมายรวมตัวกันอยู่ที่ญี่ปุ่น จนทุกวันนี้เป็นระยะเวลา 30 ปีแล้วที่ Vuitton บุกตลาดที่นั่น และก่อนหน้านี้ Marc Jacobs ได้เล็งเห็นความสำคัญของประเทศนี้ จึงเกิดความร่วมมือกับ Takashi Murakami ศิลปินชื่อดังหลายครั้ง และล่าสุดในซีซั่นเดียวกันนี้กับการออกกระเป๋าโมโนแกรมลายพราง ‘arty’ ที่ศิลปินชาวญี่ปุ่นทำงานร่วมกับ Richard Prince แต่มาคราวนี้ Jacobs เปิดโอกาสให้ Rei Kawakubo โชว์เดี่ยว แสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่

ผลงานที่เธอออกแบบนั้นยังคงความเป็น Louis Vuitton ไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะลายโมโนแกรมไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนเลย หากแต่เธอได้เปลี่ยนรูปแบบ และ gimmick ต่างๆ ให้ดูเป็นเอกลักษณ์ของเธอเอง

น่าเสียดายที่กระเป๋าคอลเล็กชั่นนี้จะมีขายในฝรั่งเศสไม่กี่ใบ นอกนั้นจะวางขายเฉพาะในบูติกที่ญี่ปุ่นเท่านั้น (ในจำนวนจำกัด) ไม่รู้ว่า Marc Jacobs คิดอะไรอยู่ เพราะแค่กระเป๋า ‘Speedy’ ที่ถูกออกแบบให้มีหูหิ้วซ้อนกันหลายหูของ Rei Kawakubo ดูน่าสนใจและน่าเก็บสะสมกว่า ‘Monogramouflage’ หรือเจ้าลายทหาร ของ Murakami เป็นไหนๆ ว่าไหมครับ

8.24.2551

Top Trends - Milan Fashion Week A/W 2008-2009

ดังคำในแคมเปญโปรโมตคราวนี้ 'Let Yourself Be Charmed by an italian' และด้วยความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองที่ค่าเงินยูเอส ดอลล่าร์อ่อนค่าลง แต่ค่าเงินยูโรกลับแข็งค่าขึ้น มิลานไม่เคยสิ้นมนต์ขลัง เซ็ตเทรนด์ที่ทรงอิทธิพลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ในซีซั่นใหม่นี้ เต็มไปด้วยกลิ่นไอเรโทร ผสมรูปแบบเชิงทดลอง ที่กลมกลืนกับสุภาพสตรี ทุกสิ่งถูกสร้างให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วยการตัดเย็บชั้นสูง แฟชั่นวีคคราวนี้เราได้เห็นสาวนีโอ-โบฮีเมียน สาวในชุดที่มีวอลุ่มโอเวอร์ไซส์ สาวยุคอนาคตที่โก้เก๋แปลกตาแต่ก็ดูคลาสสิกไร้กาลเวลามากำหนดเช่นกัน

Ultra Violet

จากปกติที่แต่ละคอลเล็กชั่นประจำฤดูกาลมักเลือกสีดำและเทา แต่ความงามมันวาวของผ้าซาตินสีที่สะท้อนความเป็นผู้หญิงได้เป็นอย่างดีมักถูกเลือกมาเพื่อสร้างความน่าสนใจได้ดีทุกครั้ง โดยเฉพาะสีม่วงที่คราวนี้มาแรงแข่งกับสีน้ำเงินแบบ Klein ที่ฮิตมาก่อนหน้านี้
- Alberta Ferretti เลือกมาใช้เป็นทั้งลุคในเทรนช์โค๊ท working girl ที่ทั้งดูใช้งานได้จริง สุดชิคและเทรนดี้
- Burberry Prorsum เลือกเพิ่มความโดดเด่นให้สีม่วงด้วยการเล่นวอลุ่ม ถือว่า Christopher Bailey ทำงานอย่างหนักกับการปรับโครงสร้างลุค preppy girl และการเพิ่มรายละเอียดของผ้าขนสัตว์เข้าไป
- ความเป็นร๊อคที่ Moschino ไม่ได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับสีอันทรงเสน่ห์นี้ punko-rebel ในลิตเติ้ลแบลคเดรสถูกเพิ่มเติมด้วยลายพิมพ์สีม่วงจัดจ้าน นับได้ว่านำความเป็นลอนดอนเนอร์มาผนวกกับอารยธรรมกูตูร์แบบอิตาเลียน
สรุปได้ว่า การให้บทบาทกับสีม่วง น่าจะมีความเด่นชัด และมีน้ำหนักเต็มที่ ถูกใจนักวิจารณ์แฟชั่นมากกว่าการให้ความสำคัญแบบครึ่งๆ กลางๆ

La Vie en Rose

ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับอิทธิพลของหนังชั้นดีอย่าง 'La vie en rose' หรือไม่ ที่ทำให้ห้องเสื้อจากอิตาลี นัดกันดึงสีชมพูสดใสมาประดับรันเวย์
- ที่ Versace ไม่มีคำว่าน้อย Donatella มักเลือกสร้างลุคที่ชัดเจนเสมอ ด้วยแรงบันดาลใจจากบาร์บี้ที่มาในเวอร์ชั่นหรูหราและทรงเสน่ห์ แถมดูเป็นสไตล์ Paris Hilton นิดๆ
- เสมือนขนม macaron สีลูกกวาด ผสมกับซิลลูเอตที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ไปแล้วที่ Marni ที่หนาวนี้ดูสดใสกว่าที่เคยด้วยชมพูแบบทูโทน
- ชุดลำลองแบบ Missoni ที่ไม่สนใจกับลายพิมพ์ตามถนัดของแบรนด์ แต่เลือกสร้างความชัดเจนให้กับการเลือกใช้สีแทน สีชมพูทับทิมเลยดูชิคที่สุดในลุค masculine/feminine นี้

Timeless Tartan

จากปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นว่าลายสก็อตไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่ประเทศต้นกำเนิดอย่างสก็อตแลนด์และไม่ได้เป็นการเสริมให้มีลุคแบบพังค์เต็มขั้นอีกต่อไป เพราะได้กลายเป็นชิ้นเบสิกในทุกไอเท่มเท่าที่จะเป็นได้
- ที่ D&G เราได้เห็น melting pot กล่าวคือเป็นการหลอมรวมลายคลาสสิกนี้แบบไม่สนใจถึงกฏระเบียบแฟชั่นที่ว่าลายเดียวกันไม่ควรถูกนำมารวมกันแบบหัวจรดเท้า สองดีไซเนอร์จากอิตาลีทำให้เรารู้ว่าทุกปัญหามีทางแก้ เพราะลายสก็อตและลายสก็อต สามารถอยู่รวมกันอย่างสวยและสง่างามได้เช่นกัน
- สำหรับ DSquared2 เทน้ำหนักไปที่กระโปรงเอวสูงที่เข้าคู่กับเบสิกไอเท่มอย่างเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูเป็น british uniform ที่มีคลาส
- ส่วนดาราสาว Faye Dunaway จากภาพยนต์เรื่อง Puzzle of a Downfall Child เข้าตา Roberto Cavalli จนเกิดเป็นคอลเล็กชั่นใหม่ที่ Just Cavalli กลิ่นไอของดินแดนใหม่อย่างอเมริกาผสมกับลุคแบบ bobo chic

Chic Volume

ซิลลูเอตแบบโป่งพอง และเสื้อผ้าแบบโอเวอร์ไซส์ปกปิดทรวดทรงองค์เอวไว้ภายใต้ ยังคงเหมาะกับสาวที่เรื่องเรือนร่างไม่เพอร์เฟ็กต์เป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเธอ - Marni สร้างเลเยอร์ทับซ้อน และคัตติ้งแบบเรียบเนี๊ยบ ทั้งแบบเรขาคณิตและมีเหลี่ยมมุม Consuela Castiglioni เจ้าแม่แห่งวงการในเรื่องวอลุ่มอันถูกที่ถูกเวลา ยังคงไปได้สวยตามสไตล์ที่เธอโปรดปราน
- ส่วนที่ Missoni ลายพิมพ์ถูกดึงเข้ามาเพื่อสร้างภาพลวงตา เสริมความต่อเนื่องให้กับลายพิมพ์ด้านในของเสื้อโค๊ทที่มีความยาวเท่ากันพอดิบพอดี
- และที่ Gianfranco Ferre ที่สร้าง dress code ให้กับฤดูกาลด้วย ชุดเดรสมินิหรือไมโคร สวมทับด้วยโค๊ทขนสัตว์โอเวอร์ไซส์ปกคลุมเรือนร่างสุดเซ็กซี่

นอกจากนี้ในมิลานแฟชั่นวีค เรายังได้พบกับสิ่งต่อไปนี้
-ความยาวของกระโปรงส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณเข่าหรือครึ่งแข้ง
-เสื้อสูท เสื้อกั๊กแบบเทเลอร์คัท กระจายอยู่เกือบทุกรันเวย์
-วัตถุดิบและการตัดเย็บอิงกระแสมาจากงานสถาปัตยกรรมที่ดึงสายตาให้มองเป็นภาพสามมิติ
-ผ้าพันคอถูดลดวาไรตี้ในการนำมาประดับจนเหลือแต่การพันในสไตล์ british ที่ Dolce&Gabbana

8.21.2551

The Masculine Mystique: Paris&Milan Menswear A/W 2008-2009

ทุกวันนี้ แฟชั่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของสุภาพบุรุษมีความหลากหลายในเรื่องรูปแบบและรายละเอียดยิ่งขึ้น และมีคนในวงการแฟชั่นให้ความสนใจมากขึ้นตามลำดับ หลายห้องเสื้อที่เคยส่งคอลเล็กชั่นสำหรับสุภาพสตรีออกสู่สายตาชาวโลก บัดนี้ก็เริ่มเห็นความสำคัญของตลาดแฟชั่นของเพศตรงข้ามกันบ้าง ในช่วง Autumn/Winter ที่จะถึงนี้ทั้งปารีสและมิลานต่างมุ่งสู่ทิศทางที่น่าค้นหา ไม่ว่าจะย้อนไปสู่ยุคโรแมนติกและยุคคลาสสิก หรือหลุดไปสู่ความบ้าหลุดโลกที่ยากต่อการระบุช่วงเวลาอ้างอิง

แว่บแรกที่ผมได้ดูแฟชั่นวีคของซีซั่นนี้ ก็รู้สึกได้ว่า ผู้ชายประจำฤดูกาลใหม่ต่างนัดกันใส่สูท ผูกไทกันอย่างเต็มที่ แต่ถูกลดดีกรีความเป็นทางการ เช่นที่ Salvatore Ferragamo หรือ Giorgio Armani ที่เสมือนอยู่ในไนต์คลับสุดฮิตในนิวยอร์กอย่าง Visconti ส่วนที่ Prada นักเล่นแร่แปรธาตุมือฉมังอย่าง Miuccia ตีความสูทเทเลอร์คัทเสียจนแทบไม่เหลือเค้ารอยเดิม และเมื่อมองดูเผินๆ ผู้ชาย Prada ช่างเหมือนผู้หญิงเสียเหลือเกิน

Salvatore Ferragamo
Giorgio Armani
Prada

ในขณะที่ inspiration ที่ได้จากเหล่าสาวๆ ยังมีให้เห็นอยู่ต่อเนื่อง ลุคแบบ 'French Dandy' จึงเป็นเสมือนพระเอกที่ทำให้พาเหรดแฟชั่นคราวนี้ยังคงมีความเป็น Menswear ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ที่ Lanvin ด้วยกระเป๋าถือใบย่อม (ที่ดูยังงัยก็ขัดตา) กับเสื้อแจ๊คเก็ต boxy เชิ้ตผ้าไหม และกางเกงทรงหลวม ที่ Burberry Prorsum ได้เอา preppy school เข้ามาผสมทำให้หนุ่มเจ้าสำราญดูอ่อนวัยลง ด้วยเสื้อถักจากขนสัตว์ ส่วน Kris Van Assche เล่นกับสีโทนมืดจนทำให้ Dior Homme คราวนี้ดูขรึมขึ้น บวกกับการสร้างซิลลูเอตที่ต่างออกไปจากเก่าก่อน เช่นกางเกงแบบ MC Hammer และเชิ้ตสไตล์ Barry London แต่การจะทำให้แบรนด์ที่ Hedi Slimane เคยทำไว้อย่างดีที่สุดยังคงความเป็นที่สุดไว้ได้ คงต้องเหนื่อยกันอีกพักใหญ่


Lanvin
Burberry Prorsum
Dior Homme

Dolce&Gabana ดึงดูดสายตาด้วยโค๊ทขนแกะ ส่วน Versace ออกคอลเล็กชั่นที่เนืองแน่นไปด้วยโค๊ทแบบ maxi สร้างลุคแบบผู้ชายดิบๆ ได้เป็นอย่างดี

Dolce&Gabbana
Versace

ความสง่างามแบบลูกผสม Anglo-American จัดเป็น hot topic ประจำซีซั่น Junya Watanabe เลือกหยิบแจ๊คเก็ตแบบ Brooks Brothers มาเข้าคู่กับกางเกงยีนส์ม้วนปลายขา ที่ Costume National กับการรวมตัวของเสื้อ blazer สุดชิคและเสื้อโค๊ทสีคาเมล ทางฟาก Bottega Veneta นั้น Tomas Maier สร้างอารมณ์สุนทรีด้วยซิลลูเอต A-line จากแจ๊คเก็ตเข้ารูปกับกางเกงที่มีช่วงขากว้าง เราได้เห็นสูททรงหลวมที่ Yohji Yamamoto พร้อมลายสก็อตสุดคลาสสิก

Junya Watanabe

Costume National
Bottega Veneta
Yohji Yamamoto


อิทธิพลดนตรี folk และ rock ยังเป็นสิ่งที่ชวนถวิลหา ด้ยแรงบันดาลใจจาก Bob Dylan ที่ Ann Demeulemeester Kurt Cobain ในลุคคาวบอยหนุ่ม ที่ Number (N)ine

Ann Demeulemeester

Number (N)ine

ผู้ชายในสไตล์ less is more มีให้เห็นที่ Fendi และ Alessandro Dell'Acqua ผู้ชายแบบ neo-sporty ที่ Marni ผู้ชายมีพลังที่ Raf Simons ด้วยแจ๊คเก็ต angular จากผ้าถัก และกางเกง skinny ผู้ชายแบบบางที่ Jil Sander ที่คราวนี้ดึงดูดสายตาด้วยลายตาราง ลายเปื้อนสี และลายหินอ่อน

Fendi
Alessandro Dell'Acqua
Marni
Raf Simons
Jil Sander


ทิ้งท้ายด้วยการเล่นสนุกกับลุคหลุดโลก ลุคแฟนตาซี พ่อมดแฟชั่น John Galliano เลือกบรรยากาศแห่งยุค Tudor ของอังกฤษ พร้อมกับสาดความสนุกด้วยการสร้าง volume และ texture ทิ้งท้ายที่ Walter Van Beirendonck ที่หลุดไปไกลด้วยสีสันบาดตา กราฟิกการ์ตูน ที่ชี้ชวนให้เหล่าแฟชั่นเอดิเตอร์ติดขอบรันเวย์ตกตะลึง

John Galliano
Walter Van Beirendonck

The Palette of Menswear A/W 2008-2009

แถวบนจากซ้ายไปขวา : Alessandro Dell'Acqua, Ann Demeulemeester, Bottega Veneta, Calvin Klein แถวสอง : John Galliano, Jil Sander, Gucci, Costume National แถวสาม : Neil Barrett, Yves Saint Laurent
ซีซั่นนี้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความเข้มขรึมของสีดำแบบหัวจรดเท้า ไม่ว่าจะมีเลเยอร์ทับซ้อนหรือมินิมัลลิสม์ ไม่ว่าจะโชว์เท็กซ์เจอร์แปลกตาหรือเรียบโก้ด้วยคัตติ้ง ต่างได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน ซึ่งนั่นก็คือการสร้างอารมณ์จริงจัง และเป็นทางการ

แถวบนจากซ้ายไปขวา : Dior Homme, Calvin Klein, Costume National, Jil Sander, D&G, Etro แถวสอง : Jean-Paul Gaultier, Burberry Prorsum, Versace,Yves Saint Laurent, D&G แถวสาม : Jean-Paul Gaultier, Burberry Prorsum, Ann Demeulemeester, Jil Sander แถวสี่ : Versace, Etro
สีเทอควอยซ์สดกระจ่าง สีเขียวใบเฟิร์นแสนสดชื่น หรือไม่ว่าสีไหนๆ ต่างถูกลดเฉดให้หม่นลง ให้ได้ระนาบเดียวกับสีเกาลัดและสีม่วงเบอร์กันดี จนเมื่อมองอย่างถ้วนทั่ว ภาพเจ้าชายแห่งยุโรปกลางสวมรองเท้ากำมะหยี่ก็ลอยเข้ามาในหัว

แถวบนจากซ้ายไปขวา : Emmanuel Ungaro, Fendi, Calvin Klein, Bottega Veneta, Dolce&Gabbana แถวสอง : Giorgio Armani, Yves Saint Laurent, Raf Simons, Calvin Klein
สีคอนกรีต สีควันบุหรี่ สี charcoal สี ash ทุกเฉดของสีเทา ต่างพาเหรดมาบนรันเวย์แซมด้วยสีเบจ และสีโทนอ่อนอื่นๆ


แถวบนจากซ้ายไปขวา : Bottega Veneta, Emporio Armani, Versace, Louis Vuitton แถวสอง : Yohji Yamamoto, Prada, Jil Sander แถวสาม : Missoni, Miharayasuhiro
เฉดน้ำเงินกระจัดกระจายไปตามคอลเล็กชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะแซมกับสีดำและโทนสีพื้นอื่นๆ หรือแม้แต่โทนสีกลาง สีฟ้าแห่งท้องทะเลและสีน้ำเงินโคบอลต์ดูจะเข้าวินที่สุด ดูสดใสสะท้อนวัยแรกรุ่น กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก กลางวันใส่ได้กลางคืนใส่ดี

8.20.2551

Checks&Tartan: Menswear A/W 2008-2009

จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในเทรนด์สุดฮอตประจำฤดูกาลที่จะถึงนี้ ลายตารางและลายสก็อต ที่ฮิตได้ฮิตดีในหนาวคราวที่แล้วกลับมาทวงรันเวย์อีกครั้ง ด้วยเฉดสีและการมิกซ์แอนด์แมตช์ที่แตกต่างออกไป ผ่านการนำร่องของคู่ดูโอจากอิตาลี ที่ส่งคอลเล็กชั่นทั้ง Dolce&Gabbana และไลน์รองอย่าง D&G มาประกาศถึงความแรงของเทรนด์นี้โดยเฉพาะ โดยจะเห็นว่าเข้ากับลุค Preppy ได้อย่างมีที่มาที่ไป แต่ขอแอบ recommend ว่าซีซั่นนี้สีแดงและสีน้ำเงินมาแรงที่สุด

Ennio Capasa เนรมิตคอลเล็กชั่นล่าสุดให้ Costume National พร้อมกับดึงไอเท่มที่จะเป็น must-have ในไม่ช้านั่นคือ กางเกงลายสก๊อตสีแดง

Rei Kuwakubo ขอยืมไอเดีย genuis ของบุคคลในสายอาชีพเดียวกัน Vivienne Westwood สมัยยังอยู่กับ Malcom McLaren พร้อมอิทธิพลการสกรีนข้อความลงบนเสื้อผ้าที่เห็นได้ทั้งบนเสื้อท่อนบนและกางเกงลายสก๊อต (สีแดงอีกแล้ว) ที่ Comme des Garcons

ในลุคนี้ที่ D&G ดูเหมือนเป็นการขบถต่อธรรมเนียมมิกซ์แอนด์แมตช์ เพราะเล่นลายสก็อตไล่ไปตั้งแต่เชิ้ตชั้นใน เนคไท และชุดสูททั้งชุด แต่ด้วยเฉดสีและน้ำหนักที่ไม่มากเกินไป ทำให้เข้ากันได้อย่างน่าประหลาด

ส่วนที่ Dolce&Gabbana ในฐานะผู้ถือธงเทรนด์ล่าสุด ทั้ง Domenico และ Stefano เหมือนชี้ให้เห็นว่าลายตารางขาวดำลุคนี้ ดูสบายตา และสามารถใส่ได้ทั้งแบบลำลองและเป็นทางการ

ด้วยคอนเซ็ปต์ 'Unconventional Classicism' ดูแปลกแยกออกมาจากแบรนด์อื่น เพราะ Dries Van Noten เลือกหยิบเทรนด์ชุดนอนจาก Spring/Summer เพื่อสร้างความผ่อนคลาย และทำให้เสื้อตัวนี้ดูคลาสสิก โก้หรู (ด้วยผ้าไหมออแกนดี) และแปลกตา

กางเกงลายสก็อตสีน้ำตาลสุดคลาสสิกยังไม่พอ ด้วยเชิ้ตลายสก็อตสีแดงตัดเหลืองสดบนพื้นน้ำตาลสวมทับด้วย vest ผ้าวูล สกรีนรูปมันฝรั่ง ของ Etro ทำให้ช่วยลดทอนความดุดันแบบผู้ชายไปได้มาก แสดงออกถึงความสดใส ร่าเริง แต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยโลก เพราะ Kean Etro กำลังอินกับการที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเลือกมันฝรั่งเป็นพืชสำคัญประจำปีนี้

หลังจากที่ John Galliano ประกาศก้องว่า "ถึงเวลาที่เราจะต้องโปรโมตและเปิดบูติก Galliano Homme อย่างจริงจังสักที" ด้วย baggy trousers ลายตารางขาวดำในคอลเล็กชั่น 'The Masque of the Red Death' คงไม่ทำให้ Galliano หลุดออกจากลุค Navy ที่ตัวเองโปรดปรานไปได้มากเท่าไหร่

Rykiel Homme นำสีม่วง สีเด่นในคอลเล็กชั่นล่าสุดมาวางบนชุดสูทสุดสลิมลายสก็อตได้อย่างดูดี แถมพาลให้นึกถึงอิทธิพลของ Hedi Slimane ที่เคยสร้างชื่อให้กับ Dior Homme เสียอีก

"เสื้อผ้าผู้ชายเริ่มกระเดียดออกไปเหมือนเสื้อผ้าผู้หญิงเข้าไปทุกที ผมจะขอดึงมันกลับมาในจุดที่มันควรจะเป็นอีกครั้ง" เราจึงได้เสื้อสูททรงแปลกตาลายสก็อตสีน้ำเงินของ Yohji Yamamoto ที่หยิบมาใส่กับกางเกง baggy สวมใส่สบาย