8.27.2551

Rei Kawakubo for Louis Vuitton

Rei Kawakubo แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นแห่งตำนานที่พาให้ Comme des Garçons เป็นแบรนด์ที่มีดีไซน์แหวกแนวไม่เหมือนใครเป็นแบรนด์ชั้นติดตลาดโลกไปแล้วนั้น สร้างความฮือฮาขานรับซีซั่นใหม่ด้วยการร่วมมือกับ H&M แห่งสวีเดน ออกคอลเล็กชั่นพิเศษ และล่าสุดกับการออกแบบกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นให้กับแบรนด์เครื่องหนังชั้นสูงที่มีความเป็นมายาวนานอย่าง Louis Vuitton

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าเธอขึ้นชื่อในเรื่องของการทำอะไรที่ไม่เหมือนคนอื่น ไม่ว่าจะทำให้ mass market เอาใจกลุ่มลูกค้าระดับกลางลงไปหรือ grande maison ที่อุดมไปด้วยผลิตภัณฑ์ชั้นสูง แรงจูงใจจึงเกิดขึ้นเมื่อ Marc Jacobs ได้มีโอกาสเจอกับ Adrian Joffe สามีของ Kawakubo และได้คุยถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันในที่สุด

ลูกค้ารายใหญ่มากมายรวมตัวกันอยู่ที่ญี่ปุ่น จนทุกวันนี้เป็นระยะเวลา 30 ปีแล้วที่ Vuitton บุกตลาดที่นั่น และก่อนหน้านี้ Marc Jacobs ได้เล็งเห็นความสำคัญของประเทศนี้ จึงเกิดความร่วมมือกับ Takashi Murakami ศิลปินชื่อดังหลายครั้ง และล่าสุดในซีซั่นเดียวกันนี้กับการออกกระเป๋าโมโนแกรมลายพราง ‘arty’ ที่ศิลปินชาวญี่ปุ่นทำงานร่วมกับ Richard Prince แต่มาคราวนี้ Jacobs เปิดโอกาสให้ Rei Kawakubo โชว์เดี่ยว แสดงฝีมือได้อย่างเต็มที่

ผลงานที่เธอออกแบบนั้นยังคงความเป็น Louis Vuitton ไว้อย่างเหนียวแน่น เพราะลายโมโนแกรมไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนเลย หากแต่เธอได้เปลี่ยนรูปแบบ และ gimmick ต่างๆ ให้ดูเป็นเอกลักษณ์ของเธอเอง

น่าเสียดายที่กระเป๋าคอลเล็กชั่นนี้จะมีขายในฝรั่งเศสไม่กี่ใบ นอกนั้นจะวางขายเฉพาะในบูติกที่ญี่ปุ่นเท่านั้น (ในจำนวนจำกัด) ไม่รู้ว่า Marc Jacobs คิดอะไรอยู่ เพราะแค่กระเป๋า ‘Speedy’ ที่ถูกออกแบบให้มีหูหิ้วซ้อนกันหลายหูของ Rei Kawakubo ดูน่าสนใจและน่าเก็บสะสมกว่า ‘Monogramouflage’ หรือเจ้าลายทหาร ของ Murakami เป็นไหนๆ ว่าไหมครับ

8.24.2551

Top Trends - Milan Fashion Week A/W 2008-2009

ดังคำในแคมเปญโปรโมตคราวนี้ 'Let Yourself Be Charmed by an italian' และด้วยความผันผวนของเศรษฐกิจและการเมืองที่ค่าเงินยูเอส ดอลล่าร์อ่อนค่าลง แต่ค่าเงินยูโรกลับแข็งค่าขึ้น มิลานไม่เคยสิ้นมนต์ขลัง เซ็ตเทรนด์ที่ทรงอิทธิพลอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ในซีซั่นใหม่นี้ เต็มไปด้วยกลิ่นไอเรโทร ผสมรูปแบบเชิงทดลอง ที่กลมกลืนกับสุภาพสตรี ทุกสิ่งถูกสร้างให้เห็นเป็นรูปธรรมด้วยการตัดเย็บชั้นสูง แฟชั่นวีคคราวนี้เราได้เห็นสาวนีโอ-โบฮีเมียน สาวในชุดที่มีวอลุ่มโอเวอร์ไซส์ สาวยุคอนาคตที่โก้เก๋แปลกตาแต่ก็ดูคลาสสิกไร้กาลเวลามากำหนดเช่นกัน

Ultra Violet

จากปกติที่แต่ละคอลเล็กชั่นประจำฤดูกาลมักเลือกสีดำและเทา แต่ความงามมันวาวของผ้าซาตินสีที่สะท้อนความเป็นผู้หญิงได้เป็นอย่างดีมักถูกเลือกมาเพื่อสร้างความน่าสนใจได้ดีทุกครั้ง โดยเฉพาะสีม่วงที่คราวนี้มาแรงแข่งกับสีน้ำเงินแบบ Klein ที่ฮิตมาก่อนหน้านี้
- Alberta Ferretti เลือกมาใช้เป็นทั้งลุคในเทรนช์โค๊ท working girl ที่ทั้งดูใช้งานได้จริง สุดชิคและเทรนดี้
- Burberry Prorsum เลือกเพิ่มความโดดเด่นให้สีม่วงด้วยการเล่นวอลุ่ม ถือว่า Christopher Bailey ทำงานอย่างหนักกับการปรับโครงสร้างลุค preppy girl และการเพิ่มรายละเอียดของผ้าขนสัตว์เข้าไป
- ความเป็นร๊อคที่ Moschino ไม่ได้สร้างความแปลกใหม่ให้กับสีอันทรงเสน่ห์นี้ punko-rebel ในลิตเติ้ลแบลคเดรสถูกเพิ่มเติมด้วยลายพิมพ์สีม่วงจัดจ้าน นับได้ว่านำความเป็นลอนดอนเนอร์มาผนวกกับอารยธรรมกูตูร์แบบอิตาเลียน
สรุปได้ว่า การให้บทบาทกับสีม่วง น่าจะมีความเด่นชัด และมีน้ำหนักเต็มที่ ถูกใจนักวิจารณ์แฟชั่นมากกว่าการให้ความสำคัญแบบครึ่งๆ กลางๆ

La Vie en Rose

ไม่ทราบว่าเกี่ยวกับอิทธิพลของหนังชั้นดีอย่าง 'La vie en rose' หรือไม่ ที่ทำให้ห้องเสื้อจากอิตาลี นัดกันดึงสีชมพูสดใสมาประดับรันเวย์
- ที่ Versace ไม่มีคำว่าน้อย Donatella มักเลือกสร้างลุคที่ชัดเจนเสมอ ด้วยแรงบันดาลใจจากบาร์บี้ที่มาในเวอร์ชั่นหรูหราและทรงเสน่ห์ แถมดูเป็นสไตล์ Paris Hilton นิดๆ
- เสมือนขนม macaron สีลูกกวาด ผสมกับซิลลูเอตที่กลายเป็นซิกเนเจอร์ไปแล้วที่ Marni ที่หนาวนี้ดูสดใสกว่าที่เคยด้วยชมพูแบบทูโทน
- ชุดลำลองแบบ Missoni ที่ไม่สนใจกับลายพิมพ์ตามถนัดของแบรนด์ แต่เลือกสร้างความชัดเจนให้กับการเลือกใช้สีแทน สีชมพูทับทิมเลยดูชิคที่สุดในลุค masculine/feminine นี้

Timeless Tartan

จากปัจจุบันพิสูจน์ให้เห็นว่าลายสก็อตไม่ได้กระจุกตัวอยู่ที่ประเทศต้นกำเนิดอย่างสก็อตแลนด์และไม่ได้เป็นการเสริมให้มีลุคแบบพังค์เต็มขั้นอีกต่อไป เพราะได้กลายเป็นชิ้นเบสิกในทุกไอเท่มเท่าที่จะเป็นได้
- ที่ D&G เราได้เห็น melting pot กล่าวคือเป็นการหลอมรวมลายคลาสสิกนี้แบบไม่สนใจถึงกฏระเบียบแฟชั่นที่ว่าลายเดียวกันไม่ควรถูกนำมารวมกันแบบหัวจรดเท้า สองดีไซเนอร์จากอิตาลีทำให้เรารู้ว่าทุกปัญหามีทางแก้ เพราะลายสก็อตและลายสก็อต สามารถอยู่รวมกันอย่างสวยและสง่างามได้เช่นกัน
- สำหรับ DSquared2 เทน้ำหนักไปที่กระโปรงเอวสูงที่เข้าคู่กับเบสิกไอเท่มอย่างเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูเป็น british uniform ที่มีคลาส
- ส่วนดาราสาว Faye Dunaway จากภาพยนต์เรื่อง Puzzle of a Downfall Child เข้าตา Roberto Cavalli จนเกิดเป็นคอลเล็กชั่นใหม่ที่ Just Cavalli กลิ่นไอของดินแดนใหม่อย่างอเมริกาผสมกับลุคแบบ bobo chic

Chic Volume

ซิลลูเอตแบบโป่งพอง และเสื้อผ้าแบบโอเวอร์ไซส์ปกปิดทรวดทรงองค์เอวไว้ภายใต้ ยังคงเหมาะกับสาวที่เรื่องเรือนร่างไม่เพอร์เฟ็กต์เป็นปัญหาใหญ่สำหรับพวกเธอ - Marni สร้างเลเยอร์ทับซ้อน และคัตติ้งแบบเรียบเนี๊ยบ ทั้งแบบเรขาคณิตและมีเหลี่ยมมุม Consuela Castiglioni เจ้าแม่แห่งวงการในเรื่องวอลุ่มอันถูกที่ถูกเวลา ยังคงไปได้สวยตามสไตล์ที่เธอโปรดปราน
- ส่วนที่ Missoni ลายพิมพ์ถูกดึงเข้ามาเพื่อสร้างภาพลวงตา เสริมความต่อเนื่องให้กับลายพิมพ์ด้านในของเสื้อโค๊ทที่มีความยาวเท่ากันพอดิบพอดี
- และที่ Gianfranco Ferre ที่สร้าง dress code ให้กับฤดูกาลด้วย ชุดเดรสมินิหรือไมโคร สวมทับด้วยโค๊ทขนสัตว์โอเวอร์ไซส์ปกคลุมเรือนร่างสุดเซ็กซี่

นอกจากนี้ในมิลานแฟชั่นวีค เรายังได้พบกับสิ่งต่อไปนี้
-ความยาวของกระโปรงส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณเข่าหรือครึ่งแข้ง
-เสื้อสูท เสื้อกั๊กแบบเทเลอร์คัท กระจายอยู่เกือบทุกรันเวย์
-วัตถุดิบและการตัดเย็บอิงกระแสมาจากงานสถาปัตยกรรมที่ดึงสายตาให้มองเป็นภาพสามมิติ
-ผ้าพันคอถูดลดวาไรตี้ในการนำมาประดับจนเหลือแต่การพันในสไตล์ british ที่ Dolce&Gabbana

8.21.2551

The Masculine Mystique: Paris&Milan Menswear A/W 2008-2009

ทุกวันนี้ แฟชั่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของสุภาพบุรุษมีความหลากหลายในเรื่องรูปแบบและรายละเอียดยิ่งขึ้น และมีคนในวงการแฟชั่นให้ความสนใจมากขึ้นตามลำดับ หลายห้องเสื้อที่เคยส่งคอลเล็กชั่นสำหรับสุภาพสตรีออกสู่สายตาชาวโลก บัดนี้ก็เริ่มเห็นความสำคัญของตลาดแฟชั่นของเพศตรงข้ามกันบ้าง ในช่วง Autumn/Winter ที่จะถึงนี้ทั้งปารีสและมิลานต่างมุ่งสู่ทิศทางที่น่าค้นหา ไม่ว่าจะย้อนไปสู่ยุคโรแมนติกและยุคคลาสสิก หรือหลุดไปสู่ความบ้าหลุดโลกที่ยากต่อการระบุช่วงเวลาอ้างอิง

แว่บแรกที่ผมได้ดูแฟชั่นวีคของซีซั่นนี้ ก็รู้สึกได้ว่า ผู้ชายประจำฤดูกาลใหม่ต่างนัดกันใส่สูท ผูกไทกันอย่างเต็มที่ แต่ถูกลดดีกรีความเป็นทางการ เช่นที่ Salvatore Ferragamo หรือ Giorgio Armani ที่เสมือนอยู่ในไนต์คลับสุดฮิตในนิวยอร์กอย่าง Visconti ส่วนที่ Prada นักเล่นแร่แปรธาตุมือฉมังอย่าง Miuccia ตีความสูทเทเลอร์คัทเสียจนแทบไม่เหลือเค้ารอยเดิม และเมื่อมองดูเผินๆ ผู้ชาย Prada ช่างเหมือนผู้หญิงเสียเหลือเกิน

Salvatore Ferragamo
Giorgio Armani
Prada

ในขณะที่ inspiration ที่ได้จากเหล่าสาวๆ ยังมีให้เห็นอยู่ต่อเนื่อง ลุคแบบ 'French Dandy' จึงเป็นเสมือนพระเอกที่ทำให้พาเหรดแฟชั่นคราวนี้ยังคงมีความเป็น Menswear ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ที่ Lanvin ด้วยกระเป๋าถือใบย่อม (ที่ดูยังงัยก็ขัดตา) กับเสื้อแจ๊คเก็ต boxy เชิ้ตผ้าไหม และกางเกงทรงหลวม ที่ Burberry Prorsum ได้เอา preppy school เข้ามาผสมทำให้หนุ่มเจ้าสำราญดูอ่อนวัยลง ด้วยเสื้อถักจากขนสัตว์ ส่วน Kris Van Assche เล่นกับสีโทนมืดจนทำให้ Dior Homme คราวนี้ดูขรึมขึ้น บวกกับการสร้างซิลลูเอตที่ต่างออกไปจากเก่าก่อน เช่นกางเกงแบบ MC Hammer และเชิ้ตสไตล์ Barry London แต่การจะทำให้แบรนด์ที่ Hedi Slimane เคยทำไว้อย่างดีที่สุดยังคงความเป็นที่สุดไว้ได้ คงต้องเหนื่อยกันอีกพักใหญ่


Lanvin
Burberry Prorsum
Dior Homme

Dolce&Gabana ดึงดูดสายตาด้วยโค๊ทขนแกะ ส่วน Versace ออกคอลเล็กชั่นที่เนืองแน่นไปด้วยโค๊ทแบบ maxi สร้างลุคแบบผู้ชายดิบๆ ได้เป็นอย่างดี

Dolce&Gabbana
Versace

ความสง่างามแบบลูกผสม Anglo-American จัดเป็น hot topic ประจำซีซั่น Junya Watanabe เลือกหยิบแจ๊คเก็ตแบบ Brooks Brothers มาเข้าคู่กับกางเกงยีนส์ม้วนปลายขา ที่ Costume National กับการรวมตัวของเสื้อ blazer สุดชิคและเสื้อโค๊ทสีคาเมล ทางฟาก Bottega Veneta นั้น Tomas Maier สร้างอารมณ์สุนทรีด้วยซิลลูเอต A-line จากแจ๊คเก็ตเข้ารูปกับกางเกงที่มีช่วงขากว้าง เราได้เห็นสูททรงหลวมที่ Yohji Yamamoto พร้อมลายสก็อตสุดคลาสสิก

Junya Watanabe

Costume National
Bottega Veneta
Yohji Yamamoto


อิทธิพลดนตรี folk และ rock ยังเป็นสิ่งที่ชวนถวิลหา ด้ยแรงบันดาลใจจาก Bob Dylan ที่ Ann Demeulemeester Kurt Cobain ในลุคคาวบอยหนุ่ม ที่ Number (N)ine

Ann Demeulemeester

Number (N)ine

ผู้ชายในสไตล์ less is more มีให้เห็นที่ Fendi และ Alessandro Dell'Acqua ผู้ชายแบบ neo-sporty ที่ Marni ผู้ชายมีพลังที่ Raf Simons ด้วยแจ๊คเก็ต angular จากผ้าถัก และกางเกง skinny ผู้ชายแบบบางที่ Jil Sander ที่คราวนี้ดึงดูดสายตาด้วยลายตาราง ลายเปื้อนสี และลายหินอ่อน

Fendi
Alessandro Dell'Acqua
Marni
Raf Simons
Jil Sander


ทิ้งท้ายด้วยการเล่นสนุกกับลุคหลุดโลก ลุคแฟนตาซี พ่อมดแฟชั่น John Galliano เลือกบรรยากาศแห่งยุค Tudor ของอังกฤษ พร้อมกับสาดความสนุกด้วยการสร้าง volume และ texture ทิ้งท้ายที่ Walter Van Beirendonck ที่หลุดไปไกลด้วยสีสันบาดตา กราฟิกการ์ตูน ที่ชี้ชวนให้เหล่าแฟชั่นเอดิเตอร์ติดขอบรันเวย์ตกตะลึง

John Galliano
Walter Van Beirendonck

The Palette of Menswear A/W 2008-2009

แถวบนจากซ้ายไปขวา : Alessandro Dell'Acqua, Ann Demeulemeester, Bottega Veneta, Calvin Klein แถวสอง : John Galliano, Jil Sander, Gucci, Costume National แถวสาม : Neil Barrett, Yves Saint Laurent
ซีซั่นนี้ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความเข้มขรึมของสีดำแบบหัวจรดเท้า ไม่ว่าจะมีเลเยอร์ทับซ้อนหรือมินิมัลลิสม์ ไม่ว่าจะโชว์เท็กซ์เจอร์แปลกตาหรือเรียบโก้ด้วยคัตติ้ง ต่างได้ผลลัพธ์ที่ไม่ต่างกัน ซึ่งนั่นก็คือการสร้างอารมณ์จริงจัง และเป็นทางการ

แถวบนจากซ้ายไปขวา : Dior Homme, Calvin Klein, Costume National, Jil Sander, D&G, Etro แถวสอง : Jean-Paul Gaultier, Burberry Prorsum, Versace,Yves Saint Laurent, D&G แถวสาม : Jean-Paul Gaultier, Burberry Prorsum, Ann Demeulemeester, Jil Sander แถวสี่ : Versace, Etro
สีเทอควอยซ์สดกระจ่าง สีเขียวใบเฟิร์นแสนสดชื่น หรือไม่ว่าสีไหนๆ ต่างถูกลดเฉดให้หม่นลง ให้ได้ระนาบเดียวกับสีเกาลัดและสีม่วงเบอร์กันดี จนเมื่อมองอย่างถ้วนทั่ว ภาพเจ้าชายแห่งยุโรปกลางสวมรองเท้ากำมะหยี่ก็ลอยเข้ามาในหัว

แถวบนจากซ้ายไปขวา : Emmanuel Ungaro, Fendi, Calvin Klein, Bottega Veneta, Dolce&Gabbana แถวสอง : Giorgio Armani, Yves Saint Laurent, Raf Simons, Calvin Klein
สีคอนกรีต สีควันบุหรี่ สี charcoal สี ash ทุกเฉดของสีเทา ต่างพาเหรดมาบนรันเวย์แซมด้วยสีเบจ และสีโทนอ่อนอื่นๆ


แถวบนจากซ้ายไปขวา : Bottega Veneta, Emporio Armani, Versace, Louis Vuitton แถวสอง : Yohji Yamamoto, Prada, Jil Sander แถวสาม : Missoni, Miharayasuhiro
เฉดน้ำเงินกระจัดกระจายไปตามคอลเล็กชั่นต่างๆ ไม่ว่าจะแซมกับสีดำและโทนสีพื้นอื่นๆ หรือแม้แต่โทนสีกลาง สีฟ้าแห่งท้องทะเลและสีน้ำเงินโคบอลต์ดูจะเข้าวินที่สุด ดูสดใสสะท้อนวัยแรกรุ่น กระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก กลางวันใส่ได้กลางคืนใส่ดี

8.20.2551

Checks&Tartan: Menswear A/W 2008-2009

จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในเทรนด์สุดฮอตประจำฤดูกาลที่จะถึงนี้ ลายตารางและลายสก็อต ที่ฮิตได้ฮิตดีในหนาวคราวที่แล้วกลับมาทวงรันเวย์อีกครั้ง ด้วยเฉดสีและการมิกซ์แอนด์แมตช์ที่แตกต่างออกไป ผ่านการนำร่องของคู่ดูโอจากอิตาลี ที่ส่งคอลเล็กชั่นทั้ง Dolce&Gabbana และไลน์รองอย่าง D&G มาประกาศถึงความแรงของเทรนด์นี้โดยเฉพาะ โดยจะเห็นว่าเข้ากับลุค Preppy ได้อย่างมีที่มาที่ไป แต่ขอแอบ recommend ว่าซีซั่นนี้สีแดงและสีน้ำเงินมาแรงที่สุด

Ennio Capasa เนรมิตคอลเล็กชั่นล่าสุดให้ Costume National พร้อมกับดึงไอเท่มที่จะเป็น must-have ในไม่ช้านั่นคือ กางเกงลายสก๊อตสีแดง

Rei Kuwakubo ขอยืมไอเดีย genuis ของบุคคลในสายอาชีพเดียวกัน Vivienne Westwood สมัยยังอยู่กับ Malcom McLaren พร้อมอิทธิพลการสกรีนข้อความลงบนเสื้อผ้าที่เห็นได้ทั้งบนเสื้อท่อนบนและกางเกงลายสก๊อต (สีแดงอีกแล้ว) ที่ Comme des Garcons

ในลุคนี้ที่ D&G ดูเหมือนเป็นการขบถต่อธรรมเนียมมิกซ์แอนด์แมตช์ เพราะเล่นลายสก็อตไล่ไปตั้งแต่เชิ้ตชั้นใน เนคไท และชุดสูททั้งชุด แต่ด้วยเฉดสีและน้ำหนักที่ไม่มากเกินไป ทำให้เข้ากันได้อย่างน่าประหลาด

ส่วนที่ Dolce&Gabbana ในฐานะผู้ถือธงเทรนด์ล่าสุด ทั้ง Domenico และ Stefano เหมือนชี้ให้เห็นว่าลายตารางขาวดำลุคนี้ ดูสบายตา และสามารถใส่ได้ทั้งแบบลำลองและเป็นทางการ

ด้วยคอนเซ็ปต์ 'Unconventional Classicism' ดูแปลกแยกออกมาจากแบรนด์อื่น เพราะ Dries Van Noten เลือกหยิบเทรนด์ชุดนอนจาก Spring/Summer เพื่อสร้างความผ่อนคลาย และทำให้เสื้อตัวนี้ดูคลาสสิก โก้หรู (ด้วยผ้าไหมออแกนดี) และแปลกตา

กางเกงลายสก็อตสีน้ำตาลสุดคลาสสิกยังไม่พอ ด้วยเชิ้ตลายสก็อตสีแดงตัดเหลืองสดบนพื้นน้ำตาลสวมทับด้วย vest ผ้าวูล สกรีนรูปมันฝรั่ง ของ Etro ทำให้ช่วยลดทอนความดุดันแบบผู้ชายไปได้มาก แสดงออกถึงความสดใส ร่าเริง แต่แฝงไว้ด้วยความห่วงใยโลก เพราะ Kean Etro กำลังอินกับการที่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติเลือกมันฝรั่งเป็นพืชสำคัญประจำปีนี้

หลังจากที่ John Galliano ประกาศก้องว่า "ถึงเวลาที่เราจะต้องโปรโมตและเปิดบูติก Galliano Homme อย่างจริงจังสักที" ด้วย baggy trousers ลายตารางขาวดำในคอลเล็กชั่น 'The Masque of the Red Death' คงไม่ทำให้ Galliano หลุดออกจากลุค Navy ที่ตัวเองโปรดปรานไปได้มากเท่าไหร่

Rykiel Homme นำสีม่วง สีเด่นในคอลเล็กชั่นล่าสุดมาวางบนชุดสูทสุดสลิมลายสก็อตได้อย่างดูดี แถมพาลให้นึกถึงอิทธิพลของ Hedi Slimane ที่เคยสร้างชื่อให้กับ Dior Homme เสียอีก

"เสื้อผ้าผู้ชายเริ่มกระเดียดออกไปเหมือนเสื้อผ้าผู้หญิงเข้าไปทุกที ผมจะขอดึงมันกลับมาในจุดที่มันควรจะเป็นอีกครั้ง" เราจึงได้เสื้อสูททรงแปลกตาลายสก็อตสีน้ำเงินของ Yohji Yamamoto ที่หยิบมาใส่กับกางเกง baggy สวมใส่สบาย


8.14.2551

Ashley Olsen ‘Like a boy’

ตั้งแต่สองพี่น้องตระกูล Olsen ตัวกลั่นแห่งวงการฮอลลีวู้ดแตกหน่อสาวเต็มที่ และมีไลน์เสื้อผ้าที่ชื่อ ‘The Row’ เป็นของตัวเอง ทั้งคู่ก็เริ่มแสดงให้คนทั่วไปรู้ว่าไม่ได้เป็นแค่ขาปาร์ตี้ขี้ยาที่แต่งตัว grunge ดิบ เท่ เป็นอย่างเดียว หากแต่ถ้าอยากจะ chic โก้หรูก็ทำได้ ข้อพิสูจน์เห็นได้จากการแต่งตัวสุดเนี้ยบของ Ashley ในงาน CFDA Fashion Awards 2008 ที่ผ่านมา

ไม่ว่าจะบังเอิญหรือตั้งใจระลึกถึง Yves Saint Laurent แต่การปรากฏกายของเธอในชุดสูททักซิโดสำหรับผู้หญิง หรือ le smoking (ออกแบบขึ้นครั้งแรกโดย YSL ในปี 1966 และสร้างกระแส androgyny จนถึงปัจจุบัน) แสดงรสนิยมการแต่งตัวของเธอที่ถูกที่ทางเสียจริงๆ

เช่นเดียวกับ little black dress ที่แฟชั่นนิสต้ารสนิยมดีต้องมีติดตู้ไว้คนละอย่างน้อยหนึ่งชุด การหยิบจับ le smoking มาใช้ในครั้งนี้ของ Olsen ถือว่าปลอดภัย มีคลาส และโชว์กึ๋นในเรื่องความพิถีพิถันกับการแต่งตัวของเธอ

ช่วงกางเกงที่มีความยาวพอเหมาะพอเจาะ ทรงเอวสูงที่ช่วงให้ช่วงขาของเธอดูยาวขึ้น เสื้อที่มีช่วงไหล่พอดิบพอดี บวกกับการตัดเย็บจากผ้าซาตินมันวาวแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิง ทั้งหมดสอดรับกับรองเท้า sandal ทำจากไวนีลทรงล้ำสมัย พร้อมกระเป๋าถือทำจากหนังสีดำขนาดย่อม รวมเป็นตัวเธอที่หากเราได้เจอคงต้องอุทานว่า “เริ่ด!!!”

หากใครอยาก cool แบบนี้ยังพอมีเวลาอีกหลายสัปดาห์ที่จะแต่งตามลุคแบบทอมบอย และ inspiration จาก YSL ก็อินมาตั้งแต่ช่วง Spring/Summer แล้ว ถ้าริจะแต่ง ข้อแนะนำคือต้องดูเรียบโก้เข้าไว้เป็นพอ เท่านี้ก้อไปปาร์ตี้แบบสวยเริ่ดได้แล้วล่ะครับ

8.13.2551

Calvin Klein Shocked America



“การทำให้คนอเมริกันช๊อคนั้นง่ายนิดเดียว” Tom Murray ผู้บริหาร Calvin Klein กล่าวหลังจากปล่อยสปอตโฆษณาน้ำหอมกลิ่นล่าสุด ‘Secret Obsession’ ครั้งแรกในช่วงเบรกของซี่รีส์ ‘24’ ที่คนติดกันงอมแงมช่วงไพรม์ไทม์

ภายในโฆษณาปรากฏเป็นภาพ Eva Mendes ดาราสาวสวยนอนกลิ้งเกลือกพร้อมกับเผยให้เห็นปทุมถันอย่างชัดเจน ซึ่งภายในความยาวของโฆษณาไม่ถึง 30 วินาที ก็ทำให้เป็น talk of the town ได้ในทันที เฉกเช่นเดียวกับตอนที่ Janet Jackson โชว์จุกนม (ที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่) ในการแสดงโชว์คู่กับ Justin Timberlake ช่วงพักครึ่งของ Superbowl ปี 2004

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ CK สร้างความตื่นตะลึง ย้อนหลังกลับไปช่วงปี 80 กับสปอตโฆษณาที่ดึงเอาซูเปอร์สตาร์สุดฮอตในขณะนั้นอย่าง Brook Shield กับท่วงท่าและลีลาสุดเย้ายวน และก่อนหน้านี้กับ ชุดชั้นใน CK ด้วยนางแบบสาว Natalia Vodianova ที่ภาพโปรโมตที่ออกมาโดนจวกเละจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมชาวคริสต์

ถึงแม้ว่าสปอตโฆษณาตัวล่าสุดนี้จะมีความสวยงามเชิงศิลปะมากกว่าจะเป็นภาพลามกอนาจาร Tom Murray ก็ไม่ชะล่าใจ เพราะได้เตรียมเวอร์ชั่นที่เบากว่านี้ไว้เผยแพร่ทางช่องโทรทัศน์สาธารณะปกติของทางอเมริกาไว้แล้ว และจริงๆแล้ว Murray ก็ไม่สนใจแม้แต่น้อยเรื่องจะโดนเซนเซอร์หรือไม่ เพราะในยุคที่ Youtube หรือ Dailymotion ได้ผลเร็วกว่าในการสื่อถึงคนทั่วไป ยังงัยน้ำหอมรุ่นล่าสุดนี้ต้องดังแน่นอน



8.12.2551

Top Trends – Paris Fashion Week A/W 2008-2009

ตั้งแต่มหานครปารีสถือกำเนิด Haute Couture ในปี 1868 ฝรั่งเศสก็กลายเป็นสิ่งเย้ายวนใจในหมู่ราชสำนักทั่วทั้งยุโรป กว่าที่ Yves Saint Laurent จะบุกเบิกเสื้อผ้าสำเร็จรูปหรือที่เรียกว่า Prêt-à-porter (ซึ่งถูกนำมาแปลเป็น Ready-to-wear เอาใจคอแฟชั่นกลุ่มใหญ่ที่ใช้ภาษาอังกฤษ) ทำให้ปารีสเป็นหนึ่งหัวหอกแห่งผู้นำแฟชั่นโลก เสื้อผ้าสำเร็จรูปในยุคล่าสุดนั้นมีค่าเท่ากับ ความหรูหรา บวกการตัดเย็บแบบ mid-couture ถูกใจคนระดับกลาง รวมถึงระดับ mass คราวนี้ผมได้เริ่มสรุปเทรนด์แฟชั่นวีคโดยเริ่มจากที่นี่ก่อน มาดูกันว่าที่ ‘sold like hotcakes’ อย่างหลายคนชอบพูดกัน เป็นอย่างไรกันบ้าง

Red and Gray

สีสดใสวัยหวาน แม่สีจี้ดจ้าดเข็ดฟัน ต้องหลบให้สีที่สะท้อนความ dramatic glamour แสดงความงามแบบกุลสตรีอย่างเต็มขั้น สีแดงและเทาได้เป็นสองสีขวัญใจกรุงปารีสคราวนี้
ประเดิมด้วย Dior และ Céline ที่เลือกสีแดงในลุคแบบหัวจรดเท้า
- John Galliano นำ Dior สู่ยุค 60s ทั้งคอลเล็กชั่นกลมกล่อมไปด้วยส่วนผสมระหว่าง Jackie O และซูเปอร์สตาร์คนดัง Marilyn Monroe ซึ่งมีความงามและเสน่ห์อันยากต่อการปฏิเสธ
- Ivano Omazic สนุกกับเทคนิคมัดย้อมที่ฮิตมา 2 ซีซั่นแล้ว Céline คราวนี้มาในลุค urban fairy นางฟ้าเดินดินที่ร้อนแรง น่าลุ่มหลง
ไม่ว่าจะชุดแบบมินิคัตติ้งเนี๊ยบหรือเดรสบางเบาจากผ้ามัสลินก็เฉิดฉายได้ไม่แพ้กัน
ส่วนสีเทา สียอดฮิตแห่งฤดูกาล กลับมาอีกครั้งในหลายห้องเสื้อที่นำสีเทาไปใช้ในการคิดคอนเซ็ปต์งานในคอลเล็กชั่นของตัวเอง
- สำหรับ Louis Vuitton คอลเล็กชั่นล่าสุดอบอวลไปด้วยบรรยากาศในยุค 80s ที่ Marc Jacobs ตั้งใจให้แบรนด์เก่าแก่นี้ มีลวดลาย แพทเทิร์นที่เท่ และคลาสซี่
- ด้าน Viktor & Rolf ก็ร่วมวงเล่นสนุกกับลุค masculine อีกหนึ่งคีย์ลุคที่อินมาหลายซีซั่นแล้ว คราวนี้คู่ดูโอจากเยอรมันนำมาคลี่คลายจนมองมุมไหนก็ยังคงความสวยงามในแบบ feminine
สรุปได้ว่าทั้งสีแดงและเทาไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างสะเปะสะปะ แต่กลมกลืนเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคีย์ลุค ไม่ว่าจะแบบ neo-elegance หรือ fairytales ต่างดูโก้หรู งามสง่าในแบบเลดี้ มากกว่าเซ็กซี่ วาบหวามแบบ Betty Boop

Leather Skinny

หนาวที่แล้วเกิด Tregging ซึ่งเป็นศัพท์บัญญัติใหม่เรียก เลกกิ้งรัดรูปจากผ้ายืดเนื้อมันวาว ฮิตใส่กันทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่เว้นแม้แต่บ้านเรา คราวนี้ต้องขอหลีกทางให้กางเกงหนังรัดรูปสุดเฉี่ยวกันบ้าง
- เริ่มจาก Balmain กับกางเกงหนังสุด slim บ่งบอกรสนิยมร๊อคแอนด์โรล ได้กลิ่นไอของซูเปอร์ไอคอน Kate Moss
- ที่ Givenchy Ricardo Tisci ยังคงย่ำอยู่กับสไตล์ Gothic Chic ประมาณว่าเอาใจ Carine Roitfeld แห่ง Vogue ฝรั่งเศสผู้ชื่นชอบการออกแบบของเขากันแบบเต็มๆ กางเกงหนังแบบ Givenchy ดูสง่างาม แต่ทั้งลุคแฝงไปด้วยอารมณ์ดุดันแบบ Metal Rock ‘Marilyn Manson’
- กางเกงหนังของ Michel Klein ช่วยสร้างความ contrast ของท่อนบนที่มีวอลุ่มอันเกิดจากเสื้อไหมพรมคอเต่าและโค๊ทสั้นทอจากขนสัตว์
สำหรับภูมิอากาศบ้านเรานั้น คงยากที่จะนำมาสวมใส่ แต่ถ้าใครมั่นใจว่าใส่แล้วสวย ไม่อบไม่ร้อน อย่ารอช้า เพราะอินถึงปีหน้าแน่นอน หยบิมาใส่กับท่อนบนที่มีความหลวม ขนาด oversize สักหน่อย หรือ คู่กับ blazer ตัวเก่ง ก็เก๋และเท่กินขาดแล้ว

Postmodern Heroines

แฟชั่นของวันพรุ่งนี้ก็ไม่ต่างจากแฟชั่นของวันนี้ เรื่องราวของอนาคต การผจญภัยในห้วงอวกาศ พร้อมความสนุกสนานจากตัวละคนแฟนตาซีจากวีดีโอเกมส์ สั่นสะเทือนทุกรันเวย์กันอีกครั้ง
- ที่ Miu Miu สปอร์ตแวร์ถูกเล่นแร่แปรธาตุกลายเป็นไฮสตรีทแวร์ ด้วยใยผ้า neoprene ที่ทำให้
สาว Miu Miu ดูโฉบเฉี่ยว มีความ active ในตัวเอง
- Nicolas Ghesquière หันมาเล่นกับสิ่งที่โปรดปรานอีกครั้ง ออกคอลเล็กชั่นล่าสุดที่แฝงไว้ด้วยเทคนิคตัดเย็บแบบ couture สมัยใหม่ ดูล้ำยุคแต่ยังคงขนบในแบบ Balenciaga ไว้อย่างครบครัน
- Rick Owens ถลำหลุดโลกไปกับคอลเล็กชั่น ‘Futurist’ ที่ดูยังงัยก็เป็นได้แค่คอลเล็กชั่นเชิงทดลองมากกว่า
ทั้งนี้ขอแนะนำว่าทั้งหมดทั้งมวลควรนำมาปรับใช้กับเสื้อผ้าประจำวันบางส่วน ขืนแต่งแบบหัวจรดเท้ามีหวังรอดยาก

Color Fusion

ลายพิมพ์สีสันสดใสจาก Spring/Summer ยังคงทิ้งร่องรอยไว้อีก แทรกตัวบนรันเวย์ด้วยลูกเล่นแพรวพราว สร้างความคึกคักให้กับแฟชั่นวีคได้ส่วนหนึ่ง
- คอลเล็กชั่นของ Sonia Rykiel เต็มเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา พร้อมกับลายทางสารพัดสี เน้นที่ลุค preppy girl ชาวปาริเซียง
- Christian Lacroix มากับชุดเดรสลายพิมพ์สีสันสะดุดตาทำให้ชุดคัตติ้งเรียบหรูดูน่ามองขึ้นเป็นกอง
- ได้รับการขนานนามว่าเป็นเจ้าแม่แห่ง texture Dries Van Noten สนุกกับการเล่นลายพิมพ์กราฟิก สร้างความมหัศจรรย์บนชุดสวยด้วยลายที่ต่างกันแต่เข้ากันได้อย่างลงตัว ทั้งสวยงามและแปลกตา
ตั้งแต่ใบไม้ร่วงนี้ บรรดาเสื้อผ้าสีสันสดใสคงลดทอนความหม่นหมองในช่วงสภาพอากาศไม่เป็นใจได้แน่นอน

Shoulders’ Play

ใครจะนึกว่าอยู่ดีๆ วันหนึ่ง เรื่องของไหล่สวยของสาวๆ จะเป็นประเด็นขึ้นมา เมื่อนักออกแบบต่างเห็นพ้องต้องกันว่าหัวไหล่ก็สามารถสร้างความเซ็กซี่ได้ไม่แพ้อวัยวะส่วนอื่น
Jean-Paul Gaultier มาในชุดเดรสคล้องคอเผยไหล่กลมกลึง ส่วนทาง Anne Valérie Hash โดดเด่นด้วยซิลลูเอตที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโค้งของเพดานโบสถ์ Martin Margiela มาในชุดเปลือยไหล่ข้างเดียว แสดงให้เห็นว่าสามารถเป็นแบรนด์ที่สร้างความเซ็กซี่ได้เช่นกัน


นอกจากนี้ในปารีสแฟชั่นวีคยังมีสิ่งน่าสนใจหลายอย่าง อาทิ
- LBD หรือเดรสดำสุดคลาสสิก ถูกเพิ่มรายละเอียดด้วยเนื้อผ้าซีทรูที่ Chanel และแวววาวด้วยสีเงินที่ Lanvin
- หมวกโดดเด่นที่โชว์ของ Dior และ YSL
- เหล่าแอคเซสเซอรี่ต้องหลบฉาก เพราะถูกให้ความสำคัญเพียงน้อยนิด
- Issey Miyake นำเสนอเสื้อผ้าแบบใส่แล้วทิ้ง
- ขนเฟอร์แท้ถูกนำมาผสมกับของเทียม (ด้วยการนำของ Jean-Paul Gaultier)

8.11.2551

Christopher Kane A/W 2008-2009 : Designed to Survive

Christopher Kane ในฐานะ New Designer of the Year ถือได้ว่าถูกจับตามองมากที่สุดจากขบวนพาเหรดรันเวย์จากเกาะอังกฤษ ที่ซีซั่นนี้เหล่านักวิจารณ์ต่างกุมขมับ เพราะไม่สามารถจับเทรนด์ใดๆ ได้มากนัก ดีไซเนอร์เมืองผู้ดีต่างออกแบบคอลเล็กชั่นของตนกันแบบไม่ต้องอิงกระแสจากปารีส มิลาน และนิวยอร์ก สำหรับ Kane ดูเหมือนจะอยู่ในความพอดีไว้ก่อน ระวังตัวที่จะไม่สุดโต่ง หลุดโลก (อย่างที่เคยเห็นประปรายในคอลเล็กชั่นที่ผ่านๆ มา) คราวนี้เราจึงได้เห็นส่วนผสมระหว่าง Ophelia ตัวละครสาวงามในเรื่อง Hamlet ที่ฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรัก, Virginia Woolf นักเขียนชื่อดังชาวอังกฤษช่วงต้นศตวรรษที่ 20....และความจำเป็นทางการค้า

คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ความดิบ ความกล้าที่จะทดลองของ Kane หายลงไปมากเมื่อเทียบกับ 3 คอลเล็กชั่นก่อนหน้า เพราะแฟชั่นโชว์คราวนี้เต็มไปด้วยเหล่า buyers จากทั่วโลกที่เตรียมหยิบเงินก้อนโตมาออเดอร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา อย่างไรก็ดี บนรันเวย์
คราวนี้ก็ยังมีความเป็น Kane อยู่ดี เริ่มด้วย jumper dress ทรงหลวมถักจากผ้าแคชเมียร์สี charcoal (ที่น่าจะฮิตและก็ฮิต) ตามมาด้วยแจ็คเก็ต เสื้อคลุม เดรส กางเกงหนัง ที่หลอมรวมไปด้วยการเล่นดีเทลของผ้าถักและลายถักอันซับซ้อน ผ้าไหมมัสลิน ผ้าชีฟอง บางเบาเผยให้เห็นผิวกระจ่าง และเลื่อมทรงกลมขนาดโอเวอร์ไซส์ที่ประดับอย่างมีชั้นเชิง และยังไม่นับรวมลูกปัดโลหะมันวาวที่ทำให้หลายชุดในคอลเล็กชั่นดูหรูหราขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

Kane สนุกกับความขัดแย้งของพื้นผิว เล่นกับโครงสร้างของวัตถุดิบ จนทำให้เกิดมิติในการมอง เมื่อเราดูทั้งคอลเล็กชั่น จึงไม่ค่อยเห็นชุดไหนที่ดูขัดกับ feminine look เลยสักนิดเดียว สีดำ สีเทา สีขาวมุก สีเขียวขี้ม้า สีเบจ ถูกนำมาใช้ เบรกด้วยสีสดอย่างแดง และน้ำเงินอมฟ้า

คอยดูซีซั่นหน้าแล้วกันนะครับว่า ดีไซเนอร์เลือดใหม่คนนี้จะสร้างสรรค์สิ่งที่ไกลออกไปจากความเป็นตัวเองหรือไม่ Tammy น้องสาวของเขาที่ทำงานร่วมกัน และมีอิทธิพลโดยตรงต่อการออกแบบคงเป็นตัวแปลสำคัญ “Christopher และ Tammy ทำให้ฉันนึกถึงการทำงานระหว่างฉันและ Gianni พี่ชาย” Donatella Versace ที่เคยให้ทุนสนับสนุน Kane ตอนทำคอลเล็กชั่นสมัยเรียน Saint Martins กล่าว